ทำไมคุณถึงควรเปลี่ยนจาก Raspberry Pi 3 Model B, B+ มาเป็น Raspberry Pi 4 Model B
--
เป็นปกติของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะมีการออกรุ่นใหม่เพื่อมาทดแทนรุ่นเก่า Raspberry Pi ก็เช่นกัน โดยในปัจจุบัน Raspberry Pi โมเดลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น Raspberry Pi Model B ซึ่งรุ่นล่าสุดที่ออกมาคือ Raspberry Pi 4 Model B ซึ่งก็นับเป็นรุ่นที่ 5 ในตระกูล Model B แล้ว (เนื่องจาก Raspberry Pi 3 มี Model B และ B+)
ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่า รุ่นที่ใหม่กว่า ก็ต้องมาพร้อมกับความสามารถ คุณสมบัติที่เหนือกว่ารุ่นเก่าอย่างแน่นอน ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงเหตุผลที่คุณควรจะเปลี่ยนไปใช้งาน Raspberry Pi 4 Model B แทนที่ Raspberry Pi รุ่นพี่ที่เก่ากว่าอย่าง Raspberry Pi 3 Model B หรือ B+ กันนะครับ
ประสิทธิภาพที่คุ้มค่ากับการจ่ายเงินเพิ่มขึ้น
“ใหม่กว่า ย่อมแรงกว่า” คำนี้ถือเป็นกฏมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Raspberry Pi ก็เช่นกัน ด้วยประสิทธิภาพของ CPU ตัวใหม่ ซึ่งทำให้ความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นมา 0.1–0.2 GHz (จาก 1.3–1.4GHz เป็น 1.5GHz) ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเลขนี้จะดูน้อย แต่หากคุณได้ลองมาใช้งานจริงๆแล้ว คุณจะพบความแตกต่างอย่างแน่นอน และนอกจากความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว Raspberry Pi 4 Model B ยังมาพร้อมกับ RAM หลากหลายขนาดให้ได้เลือกใช้งาน โดยเป็น RAM แบบ LPDDR4 ซึ่งมีหลากหลายขนาดตั้งแต่ 1GB, 2GB,4GB และ 8GB ทำให้สามารถเลือกสเปคของบอร์ดที่มี RAM ขนาดแตกต่างกันได้ตรงกับลักษณะการใช้งานได้
ซึ่งนอกเหนือจากลักษณะการใช้งานแบบ Embedded PC ที่ Raspberry Pi มักถูกนิยมนำไปใช้แล้ว Raspberry Pi 4 Model B ที่มาพร้อมกับ RAM หลากหลายขนาดจะช่วยเปิดโอกาสให้เราสามารถนำ Raspberry Pi 4 ไปใช้งานในลักษณะของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือใช้ในการเล่น Multimedia ได้ เพราะนอกจาก CPU ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว ในส่วนของ GPU ก็ได้รับการอัพเกรดเช่นเดียวกัน
ลักษณะทางกายภาพของ Raspberry Pi Model B ซึ่งแม้ว่าจะเปลี่ยนไปกี่รุ่นก็ยังเหมือนเดิม
ขนาด กว้าง x ยาวของตัวบอร์ด ตั้งแต่ Raspberry Pi Model B รุ่นแรกจนถึงรุ่นปัจจุบัน มีขนาดเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ 85mm x 56mm และด้วยขนาดมาตรฐานที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้คุณสามารถนำบอร์ดรุ่นใหม่ไปใช้งานทดแทนบอร์ดรุ่นเก่าในพื้นที่เดิมได้ทันที โดยไม่ต้องจัดหาพื้นที่สำหรับวางบอร์ดใหม่
Interface และ GPIO ที่หลากหลายมากขึ้น
ใน Raspberry Pi 4 Model B ได้มีการเปลี่ยนแปลง Interface และ Port ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานตัวบอร์ดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
พอร์ต HDMI
- ซึ่งในรุ่น Raspberry Pi 4 Model B ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นพอร์ต HDMI แบบ Full-size ใน Raspberry Pi 3 Model B และ Model B+ ได้มีการเปลี่ยนมาใช้งานเป็นพอร์ต HDMI แบบ micro-HDMI จำนวน 2 พอร์ต ซึ่งทำให้ Raspberry Pi 4 Model B รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อจอภาพเพื่อใช้งานได้พร้อมกันถึง 2 พอร์ต
PoE Pin
- บนตัวบอร์ดบริเวณมุมขวาบนของตัวบอร์ด ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้าจาก PoE HAT เพื่อทำให้ Raspberry Pi รองรับการใช้งานกับระบบไฟฟ้าแบบ PoE ได้
Power Input port
- ใน Raspberry Pi 4 Model B ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นพอร์ต micro-USB Type-B ใน Raspberry Pi 3 Model B ได้มีการเปลี่ยนมาใช้งานเป็นพอร์ต USB Type-C ซึ่งรองรับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านได้สูงขึ้น
Chip RAM และตำแหน่งการวางของ chip ใหม่ๆ
- Raspberry Pi 4 Model B มาพร้อมกับชิพใหม่ที่ไม่มีมาก่อนใน Raspberry Pi 3 Model B และ B+
โดยจากข้างต้น พอร์ต HDMI, PoE Pin และ Power Input port จะส่งผลกระทบต่อการใช้งาน Raspberry Pi ร่วมกับเคสที่เคยใช้งานได้กับ Raspberry Pi 3 Model B, B+ มาก่อน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงข้างต้น
อนาคตของ Raspberry Pi 3 Model B และ B+
EOL (End of Life) ของ Raspberry Pi 3 Model B ที่ใกล้จะมาถึงในอนาคต เนื่องจากทาง Raspberry Pi มีผลิตภัณฑ์รุ่นที่ใหม่กว่าให้ผลิตเพื่อจัดจำหน่ายอย่าง Raspberry Pi 4 Model B, Raspberry Pi 3 Model B+ หรือ Raspberry Pi ในตระกูล Zero ตัวใหม่ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงอัพเดตและการสนับสนุนซอฟต์แวร์ใหม่ๆในอนาคต
ซึ่งจากเหตุผลและข้อมูลที่กล่าวมา หากคุณต้องการที่จะเปลี่ยนจาก Raspberry Pi 3 Model B, B+ ไปใช้งาน Raspberry Pi 4 Model B แทน สิ่งที่คุณจะต้องทราบและเตรียมตัว มีดังนี้
สวัสดี Raspberry Pi 4 Model B ลาก่อน Raspberry Pi 3 Model B, B+
การย้ายระบบ (Migration)
ในการเปลี่ยนไปใช้งาน Raspberry Pi 4 ซึ่งใหม่กว่านั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องมีการคำนึงถึงคือการ migrate หรือการย้ายระบบจากบอร์ดรุ่นเก่ากว่า ไปยังบอร์ดที่รุ่นใหม่กว่า เช่น หากต้องมีการย้ายหรือ Clone ข้อมูลจาก Raspberry Pi 3 Model B มาใส่ Raspberry Pi 4 Model B เพื่อใช้งานต่อ ในกรณีนี้ ไม่แนะนำให้ทำ เนื่องจากความแตกต่างกันเป็นอย่างมากของระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่บน Raspberry Pi ทั้ง 2 รุ่น ซึ่งหาก Clone มารันบนบอร์ด Raspberry Pi 4 Model B ซึ่งเป็นบอร์ดเวอร์ชันที่ใหม่กว่า อาจทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ได้
อินเตอร์เฟซ (Interface)
- พอร์ต HDMI ที่มีการเปลี่ยนแปลงจาก full-size HDMI เป็น micro HDMI นั้น คุณสามารถที่จะใช้ adapter ที่แปลงจากหัว full-size HDMI ในระบบเก่าเป็นหัว micro HDMI เพื่อใช้งานกับบอร์ด Raspberry Pi 4 Model B ได้
- อแดปเตอร์จ่ายไฟ Raspberry Pi 4 Model B มีการใช้งาน Power Input port เป็นแบบ USB Type-C ดังนั้นคุณจึงต้องจำเป็นที่จะเปลี่ยน power adapter เป็นแบบ Type-C เพื่อรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับบอร์ดรุ่นใหม่ได้ แต่! คุณก็ยังสามารถที่จะใช้งาน power adapter ตัวเก่าที่คุณมีได้ (แบบ micro-USB) โดยสามารถใช้ micro-USB to USB Type-C adapter ในการแปลงและใช้งาน power adapter ตัวเดิมในการจ่ายไฟให้ Raspberry Pi 4 Model B ได้
ความร้อนที่มากกว่าของ Raspberry Pi 4 Model B และการแก้ไข
จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของ Raspberry Pi 4 Model B ซึ่งรวมถึงสัญญาณนาฬิกาที่เร็วขึ้น ทำให้เป็นสาเหตุหลักๆที่ส่งผลให้ตัวบอร์ดมีความร้อนสูงขึ้นกว่าเดิม โดยการแก้ปัญหานั้น สามารถทำได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
- การแก้ปัญหาด้วยอุปกรณ์ช่วยระบายความร้อนเพิ่มเติม อาทิ ฮีทซิงค์ พัดลม ซึ่งจะช่วยในการระบายความร้อนที่ถูกส่งออกมาจากกระดองของตัวชิพ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของ Raspberry Pi ไม่ตกลงจากความร้อนที่เกิดขึ้น
- การแก้ปัญหาด้านซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน โดยการเลือกใช้งานระบบปฏิบัติการที่ใช้งานหรืออาศัยการประมวลผลของ CPU ต่ำซึ่งหมายถึงภาระงานของ CPU ที่น้อยลงไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้อุณหภูมิของ CPU ลดลงได้
ซึ่งจากข้อมูลขและวิธีการแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เราหวังว่าจะช่วยให้คุณสามารถที่จะตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นในการย้ายมาใช้งาน Raspberry Pi รุ่นที่ใหม่กว่าอย่าง Raspberry Pi 4 Model B โดยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
และหากคุณกำลังมองหา Raspberry Pi 4 Model B อยู่ ทาง Cytron ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย Raspberry Pi อย่างเป็นทางการในประเทศไทย สามารถสั่งซื้อกับเราได้ผ่านทางเว็บไซต์